Apple มีนโยบายที่แตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง ในแต่ละประเทศที่มีการแสดงตน. ตัวอย่างที่ชัดเจนพบได้ในประเทศจีน ซึ่งดำเนินการในลักษณะที่แตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิงในประเทศตะวันตกส่วนใหญ่ เนื่องจากแรงกดดันจากรัฐบาลจีน
อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ประเทศเดียว แต่เป็น รัสเซีย และ ซาอุดิอาระเบีย ในอีกสองประเทศที่ Apple ถูกบังคับ เก็บหลักการของคุณไว้ในกระเป๋า เพื่อรักษาความเป็นอยู่ในประเทศ ในแง่นี้ กลุ่มผู้สนับสนุนสิทธิดิจิทัลได้ประณาม Apple ที่อนุญาตให้รัฐบาลเซ็นเซอร์เนื้อหา LGBTQ
ตามกลุ่ม ต่อสู้เพื่ออนาคต y ไฟไหม้ครั้งใหญ่ซึ่งทั้งอยู่ในประเทศจีนอ้างว่า Apple กำลังบล็อกแอพใน 152 App Stores ทั่วโลก. รายงานที่ตีพิมพ์โดยทั้งสองกลุ่มระบุว่ามีกรณี 1.377 กรณีที่ไม่สามารถใช้แอปพลิเคชัน LGTBQ ได้เนื่องจากการเซ็นเซอร์โดยรัฐบาลที่เกี่ยวข้อง โดยซาอุดิอาระเบียเป็นประเทศที่บล็อกแอปพลิเคชันส่วนใหญ่โดย 28
ในตำแหน่งที่สอง คือ สาธารณรัฐประชาชนจีนโดยมี 27 แอพที่ถูกแบนจาก App Store ตามด้วย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ กับ 25, กานา 24 และไนจีเรีย 23. อันดับแรกคือออสเตรเลีย, แคนาดาและสหรัฐอเมริกาที่ไม่มีแอปพลิเคชันที่ถูกบล็อกและสหราชอาณาจักรมี 2 แอปพลิเคชัน
ประเทศส่วนใหญ่ที่มีจำนวนการสมัครสูงมี ประวัติไม่ดีเกี่ยวกับสิทธิมนุษยชนของเกย์. รายงานเดียวกันนี้ยืนยันว่า Apple ยังคงอนุญาตให้มีการเซ็นเซอร์แอปพลิเคชันประเภทนี้ในประเทศต่างๆ เช่น ไนเจอร์และเกาหลีใต้ที่การรักร่วมเพศถูกกฎหมาย ประเทศที่อยู่ใน 10 อันดับแรกเช่นกันที่แอปพลิเคชัน LGTBQ ถูกบล็อกใน App Store มากขึ้น
ตามที่ Evan Greer ผู้กำกับ Fight For The Future:
Apple กำลังวางธงสีรุ้งในการดำเนินการทางการตลาดในสหรัฐอเมริกา แต่ในขณะเดียวกัน Apple ก็ให้ความช่วยเหลือรัฐบาลทั่วโลกในการแยกตัว ปิดปาก และกดขี่ LGBTQ การผูกขาด App Store ที่เข้มงวดของ Apple และการไม่สามารถติดตั้งแอพนอก App Store ทำให้การเลือกปฏิบัติและการเซ็นเซอร์เป็นไปได้
องค์กรเดียวกันนี้ระบุว่าแอปพลิเคชันเหล่านี้จำนวนมากได้เลือกที่จะ เสนอการเข้าถึงเว็บ เพื่อเลี่ยงการเซ็นเซอร์ที่ Apple ถูกบังคับให้ดำเนินการ ในประเทศที่รัฐบาลบล็อกเว็บไซต์เหล่านี้ ทางเลือกเดียวที่เหลือสำหรับผู้ใช้คือการใช้บริการ VPN